วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

หลับไม่สนิทบ่อยๆเสี่ยงเป็นเบาหวาน !!

ระบุนอนพอแต่หลับไม่สนิทส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น

สำนักข่าวบีบีซีรายงานวานนี้ว่าผลการวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกาชิ้นล่าสุดแสดงให้เห็นถึงผลของคุณภาพในการนอนหลับต่อการเป็นโรคเบาหวาน ทั้งนี้ระบุว่าคนที่นอนหลับไม่สนิทดีหรือหลับไม่ลึกมักมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานที่สูงกว่าปกติ
โดยนักวิจัยได้ทำการทดลองโดยจำลองการหลับไม่สนิทด้วยการทำให้อาสาสมัครที่เข้าร่วมการวิจัยได้รับการกระตุ้นเมื่อพวกเขากำลังจะเข้าสู่ภาวะหลับลึกหรือหลับสนิทและผลการทดลองที่ได้พบว่าเมื่อหลับไม่สนิทแล้วร่างกายของอาสาสมัครจะเกิดการต่อต้านสารอินซูลิน
ความผิดปกติที่นักวิจัยพบนี้มีผลทำให้ร่างกายเกิดไม่รู้จักสัญญาณของสารอินซูลินขึ้นมาและนำไปสู่การมีระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้น มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและในที่สุดก็กลายไปเป็นโรคเบาหวานชนิด 2 โดยผลการวิจัยที่ค้นพบล่าสุดนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารของสถาบันวิชาการด้านวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ The Proceedings of the National Academy of Science.
ก่อนหน้านี้มีการวิจัยหลายอันที่ได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันระหว่างโรคเบาหวานและการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ทั้งยังเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าการนอนหลับลึกหรือหลับสนิท หรือที่เรียกกันว่าการหลับแบบคลื่นต่ำ (slow-wave sleep)นั้นมีผลเกี่ยวข้องกันกับกระบวนการเผาพลาญพลังงานของร่างกาย
และสำหรับในการวิจัยล่าสุดนี้นักวิจัยได้ทดสอบผลกระทบของคุณภาพการนอนหลับต่อการควบคุมกลูโคสในเลือดด้วยการให้อาสาสมัครชายหญิงที่มีร่างกายแข็งแรงดีมานอนเพื่อให้นักวิจัยสังเกตดูว่ารูปแบบการนอนปกติของคนเหล่านี้เป็นอย่างไรเป็นเวลาติดต่อกัน 2 คืน
และหลังจากนั้นเป็นเวลา 3 คืนติดกันนักวิจัยได้ให้ทีมงานรบกวนอาสาสมัครร่วมวิจัยการนอนหลับด้วยการก่อเสียงดังในช่วงที่อาสาสมัครกำลังเริ่มต้นเข้าสู่การนอนหลับลึกซึ่งสามารถสังเกตได้จากการเคลื่อนไหวของคลื่นสมองที่เริ่มมีลักษณะยาวขึ้นและเคลื่อนไหวในแนวต่ำลง
ทั้งนี้นักวิจัยระบุว่าการรบกวนการนอนของอาสาสมัครนี้จะไม่กระทบต่อปริมาณการนอนของพวกเขา กล่าวคือปริมาณการนอนโดยรวมแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบการนอนปกติของอาสาสมัครเหล่านี้เลย
และเมื่อนักวิจัยทดสอบต่อไปด้วยการฉีดกลูโคสให้อาสาสมัครและตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด และการตอนสนองของสารอินซูลินในเวลากลางวันแล้วพบว่าอาสาสมัครจำนวน 8 คนมีอาการที่ร่างกายรู้สึกช้าต่ออินซูลิน
ดร.เออร์ซ่า ทาซาลิ จากมหาวิทยาลัยแห่งชิคาโก กล่าวว่าปัจจุบันพบว่าอัตราการเป็นโรคเบาชนิด 2 ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญมากในที่จะต้องทราบปัจจัยที่มีผลต่อการกระตุ้นความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ โดยเบาหวานชนิด 2 นี้โดยปกติแล้วเป็นโรคที่มักพบในประชากรที่มีอายุและ คนที่เป็นโรคอ้วน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น