วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

อันตรายของแฟชั่นยุคโบราณ !! O_o




เดอะ คอร์ซิท (The Corset) เป็นเสื้อรัดลำตัวสตรี,เสื้อยกทรงรัดรูปของสตรี และชุดชั้นในผู้หญิงที่สวมเพื่อให้สะโพกและหน้าอกเข้ารูปทรง นิยมในช่วงทศวรรษที่ 1830-1839 สมัยวิกตอเรียนที่ตั้งกฎเกณฑ์ศิลธรรมให้ผู้หญิงต้องใส่ ไม่ใส่ถือว่าผู้หญิงคนนั้นสกปรก ต่ำต้อย ไม่มีมารยาทและไม่มีศิลธรรม และสมัยศตวรรษที่ 19นิยมให้สตรีมีเอวคอดกิ่ว อกตั้ง ทำให้เสื้อนี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าว



ทำไมมันถึงน่ากลัว? เนื่องจากการใส่คอร์ซิทต้องรัดแน่นมากๆ แน่นจนทำให้กระดูกผิดรูป หรือเราเรียกว่าเอวคอด ซี่โครงจะเจ็บปวดชา อวัยวะเครื่องในจะถูกเคลื่อนย้ายลงต่ำมาถึงก้น ทั้งเป็นสาเหตุให้การไหลของเลือดภายในผิดปกติ ใน1903 มีผู้หญิงที่ตายทันทีเพราะเสื้อรัดลำตัวสตรีที่เป็นเหล็กกระแทกหัวใจของเธอ แต่กระนั้นแฟชั่นนี้ก็ถูกดัดแปลงให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบันมาเป็นชุดชั้นในสุดเซ็กซี่ออกศึกที่นิยมของสาวๆ ทั้งหลาย





ฟุตบาดดิ้ง (Foot binding) เป็นการพันเท้าผู้หญิงให้เป็นรูปดอกบัว เป็นประเพณีปฏิบัติของผู้หญิงจีนโบราณ ซึ่งเป็นที่นิยมในจีนสมัยศตวรรษที่ 8 โดยมันเริ่มมาจากสมัยก่อนจักรพรรดิ์มีเมียหลายคน แต่ไม่ค่อยมีเวลาเอาใจใส่กับเมียน้อยเหล่านี้มากนัก ทำให้หลายนางแอบไปมีชู้ จักรพรรดิจึงใช้วิธีป้องกันโดยการรัดเท้าเพื่อให้พวกเธอเดินเหินไม่สะดวก ซึ่งต่อมากลายเป็นค่านิยมที่ผู้หญิงในวังต้องวัดเท้า ชาวบ้านก็นึกว่าเป็นแฟชั่นของไฮโซเลยทำตามบ้าง จึงกลายเป็นค่านิยมของจีนในที่สุด โดยเกิดวลีว่า “ผู้หญิงที่เท้าเล็ก ยิ่งเซ็กซี่”



ทำไมมันถึงน่ากลัว? กระบวนการพันเท้านั้นจะเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 5-6 ขวบ โดยคนเป็นแม่จะใช้วิธี หักนิ้วน้อย ๆ สี่นิ้วแล้วงอย้อนกลับไปทางด้านหลัง แล้วก็เอาผ้ามาพันเอาไว้ โดยจะพันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนได้เท้าที่เล็กตามต้องการ(บางตำราก็เขียนว่าให้เอาเท้าแช่ปัสสาวะและกระเพาะแพะ) นอกจากนี้ผู้ที่ทำการพันเท้า กล้ามเนื้อตั้งแต่บริเวณสะโพกลงไปจะต้องเกร็งมากในการเดินแต่ละครั้ง เมื่อเยื้องย่างด้วยท่าอ้อนแอ้นแลดูสวยงาม จะเกิดความเจ็บปวดแสนสาหัส ราวเข็มพันเล่มกระหน่ำแทงพวกเธอราวกับขุนนรกโลกันต์ เท้าที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา กลิ่นจะเหม็นมากๆ จนเป็นแผลเน่า และเลวร้ายที่สุดคือเธอไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้สะดวกเกิดมีไฟไหม้บ้าน โจรมาข่มขืนละก็คงแล้วแต่ดวงแหละเพราะหนีไม่ได้...เหอๆ




คริโนไลน์(crinoline) เป็นกระโปรงที่สวมแบบสุ่ม (เพื่อให้กระโปรงบานออก) เป็นชุดที่มีกระโปรงบานๆ บานมากบานจนเหมือนสุ่มไก่บ้านเราโดยเขาจะทำเป็นโครงให้มันบานใหญ่ โดยโครงทำมาจากมันทำจากขนม้า, เส้นป่าน หรือเหล็ก ซึ่งมันได้รับความนิยมในหมู่คนชั้นสูงในศตวรรษที่ 19

ทำไมมันถึงน่ากลัว? การออกแบบคริโนไลน์ของมันตอบสนองได้ดีทีเดียวเลยแหละเมื่อมีลมแรงๆ มาพัดอย่างกะทันหัน กระโปรงบานๆ ของเจ้าหล่อนจะถูกพัดเหมือนกับร่ม(กาง)ที่ปลิวของลมนั้นแหละ มีหลายรายถูกลมพัดดันให้ตกจากที่สูง(ที่ออกงานของพวกเธออยู่ที่สูงๆ ทั้งสิ้นนี้) และบางรายเพราะหายใจไม่ออกเพราะลมพัดแรงจนโครงเหล็กรัดตัวเธอจนกระดูกหัก บางรายกระโปรงเกิดไปเกี่ยวกับรถม้าและลากผู้หญิงที่ส่งเสียงร้องกรี๊ดตามท้องถนน แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือกระโปรงนี้ติดไฟง่ายสุดๆ และเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่ตายเพราะกระโปรงตัวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1863 ในSantiago ประเทศซิลี ในอเมริกาใต้ มีคนตายกว่า 2000 - 3000 คน ในขณะไฟไหม้โบสถ์ เมื่อไฟผ้าคลุมหน้าต่างโบสถ์เกิดติดไฟ ผู้คนต่างพยายามหนีตายหาทางออกจากประตู แต่เจ้ากรรม ด้วยความกว้างของกระโปรงบานของเจ้าหล่อนดันไปขว้างติดประตูซะนี้(กระโปรงดันใหญ่กว่าประตู)) แถมเอาออกยากซะด้วยสิเพราะมันทำจากโครงเหล็กนี้น่า ซึ่งมันทำให้ทางออกถูกปิดโดยสิ้นเชิง ที่นี้ก็ลองคิดละกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป...ก็ตายยกหมู่สิ












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น